Last updated: 21 ธ.ค. 2565 | 2824 จำนวนผู้เข้าชม |
(( News))
#propertyinvestment
กรมที่ดินสนับสนุนมาตรการขยายเพดานการถือครองกรรมสิทธิ์ในห้องชุดที่เพิ่มขึ้นรวมถึงบ้านแนวราบ ของ ศบศ. ที่เตรียมเสนอเข้าครม.พิจารณาโดยมองว่า สามารถช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯได้ แต่ทั้งนี้กรมได้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมกลับไป ในบางประเด็น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะต้องเป็นโครงการใหม่มีขนาดพื้นที่ภายในโครงการไม่น้อยกว่า 5 ไร่ เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อต้องการขายให้กับกลุ่มต่างชาติดังนั้นสินค้าต้องมีคุณภาพที่ดี รวมทั้งระดับราคาที่ต้องกำหนดให้สอดคล้อง ความคืบหน้าอธิบดีอธิบายว่ากลุ่มของศบศ.เป็นผู้ดำเนินการ กรมที่ดินในฐานผู้สนับสนุนและแนะนำเท่านั้น
สำหรับการถือครองอาคารชุดของชาวต่างชาติกฎหมายเดิมชาวต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมดในคอนโดฯ และอีก 51% เป็นสิทธิของคนไทยในการถือครองกรรมสิทธิ์ มาตรา 19 ทวิ พระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551)
ขณะร่างแก้ไขกฎหมายใหม่ แก้ไขอัตราการถือกรรมสิทธิ์ โดยจะขยายเพดานให้ชาวต่างชาติเข้าถือครองได้มากขึ้น อาจถึง 70-80% โดยเพิ่มเงื่อนไขสำหรับต่างชาติที่ถือครองเกิน 49% ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมนิติบุคคลอาคารชุด
ขณะการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ตามกฎหมายเดิมห้ามมิให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านหรือที่ดินในประเทศไทย เว้นแต่จะเข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย มาตรา 96 ทวิ ประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับร่างแก้ไขกฎหมายใหม่ กำหนดให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านเดี่ยวสำหรับอยู่อาศัยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรราคาประมาณ 10-15 ล้านบาทขึ้นไป โดยซื้อได้ไม่เกิน 49% ของโครงการ ส่วนระยะเวลาการเช่าอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติตามกฎหมายเดิม อนุญาตให้ชาวต่างชาติเช่าอสังหาริมทรัพย์ นานสูงสุดไม่เกิน 30 ปี (มาตรา 540 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) ขณะร่างแก้ไขกฎหมายใหม่ ได้ขยายให้ชาวต่างชาติสามารถทำสัญญาเช่าได้สูงสุด 50 ปี +40 ปี
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี ซึ่งไทยต้องทำตัวให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน น่าอยู่อาศัย ทำให้ประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง”
นอกจากนี้ คนกลุ่มนี้ยังมีมีเงินบำนาญ เงินเก็บ เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ยังมีประกันสุขภาพที่เป็นรัฐสวัสดิการ โดยรัฐบาลต้องดำเนินการแก้กฎ กติกาต่างๆ ให้สะดวกขึ้นสำหรับชาวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการสร้างรายได้การลงทุน เพิ่มการจ้างงานภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศบศ. ได้ออกมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยดูดเงินเศรษฐีต่างชาติผ่าน 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
1. กลุ่มประชากรโลกที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy global citizen) ซึ่งรวมถึงนักลงทุนที่มีกำลังซื้อสูง ภายใต้โปรแกรม Flexible Plus Program
2. ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy pensioner)
3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work-from-Thailand professional)
4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-skilled professional)
Credit : thansettakij
สนใจคอร์สเรียนอสังหาหรือปรึกษาด้านการลงทุนอสังหา
สถาบันสอนอสังหา Future Developer Academy
1 มิ.ย. 2566
16 พ.ค. 2566
30 พ.ค. 2566
26 พ.ค. 2566